ช่วงเย็นของวันที่ 31 พฤษภาคม เดินทางออกจากวัดไทยในเดนมาร์กเพื่อไปยัง ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เมืองที่ใฝ่ฝันว่าจะต้องมาเยือนสักครึ่งหนึ่งในชีวิต เป็นฝันตั้งแต่เข้า course เรียนภาษาเยอรมันที่ Goethe institute แถวสาธร ก่อนไปก็ได้เดินทางไปบ้านป้าสมพงษ์ก่อน ป้าแกใจดีมากเลยตามมาส่งที่สถานีรถไฟด้วย ผมเดินทางไป berlin ด้วย easyjet พอไปถึงก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ลากกระเป๋านั่ง subway ไปยังที่พัก ซึ่งก็หาไม่ยากเท่าไหร่ แต่เดินไกลเอาการเลยทีเดียว หัวถึงหมอนก็นอนหลับปุ๋ยไปเลย
เช้าของวันที่ 1 เดือนมิถุนายน อากาศช่วงเช้าดีมากเลย ประมาณ 9 โมงเช้าก็ออกเดินทางจากที่พัก เนื่องจากผมมีเวลาอยู่ที่เบอร์ลิน 3 วัน ก็เลยวางแผนเที่ยวเป็น zone ไป วันนี้จะไปแถบ berlin ตะวันออกและตะวันตก ซึ่งมีที่เที่ยวมากมาย ผมซื้อตั๋วแบบ one day เลือก Zone A และ B เริ่ม start จากที่พักไปยัง Alexanderplatz S-bahn พอออกจากสถานีก็เห็น Fernsehturm หรือเรียกว่า Television tower รอเวลาเปิดทำการประมาณ 10 โมงเช้า ก็เข้าไปเป็น group แรกเลย ค่าเข้าชมประมาณ 18 ยูโรนะ ถ้าจำไม่ผิด หอนี้มีความสูง 365 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี 1969 สามารถมองดูเมืองได้โดยรอบ แต่ละหน้าต่างก็มีแผนภาพแสดงที่ตั้งและรายละเอียดของสถานที่ต่างๆ บ้านเราก็มีนะแบบนี้อยู่ที่สุพรรณบุรี ชื่อหอบรรหารแจ่มใส ได้มีโอกาสไปเนื่องจากไปหาเพื่อนช่วงกลับไทย ลงมาจากหอโทรทัศน์ก็เห็นร้านขายไส้กรอกเยอรมัน เขาบอกว่าอร่อยนักอร่อยหนา ขอชิมสักหน่อย ไปสั่ง she เจ้าของร้าน ก็ไม่เข้าใจก็เลยชี้รูปเอาหล่ะกัน ไม่ยอมพูด Eng กับเราเลย ผมเอง ภาษาเยอรมันก็ได้แค่ say hi say bye แล้วก็นับเลขอ่ะ ก็เลยสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ประมาณ 2 ยูโรสำหรับเจ้าไส้กรอกกับหนมปัง อืมม อะไรๆก็แพงไปหมด น้ำขวดหนึ่งก็เกือบ 2 ยูโร พออิ่มท้องก็ได้เวลาเดินทางต่อไป Alexanderplatz คือเป้าหมายต่อไป
ไปถึงก็เห็นกำลังก่อสร้างอาคารมากมาย เศรษฐกิจคงขยายตัวมากขึ้น สถานที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในอดีตเป็นตลาดค้าวัว ม้าและหนังสัตว์ ปัจจุบันมีร้านค้ามากมาย ในประวัติศาสตร์ที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณไม่ไกลนักก็จะเห็น Marienkirche ซึ่งเริ่มสร้างเมื่อปี 1280 แล้วเสร็จก่อนศตวรรษที่ 14 อีกฝั่งด้านหนึ่งก็จะเห็น town hall ตัวอาคารสีแดงอิฐ สร้างเมื่อ 1861-1869 และถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาได้บูรณะใหม่ในปี 1951-1958 ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของรัฐ เป็นออฟฟิตของคณะรัฐมนตรีของ berlin ตะวันออก เดินต่อไปข้างหน้าก็พบร้านค้าสวยๆ พอถึงแม่น้ำ ก็เจอกับ Berliner dome เป็น style Baroque สร้างในปี 1747-1750 สถานที่นี้ก็ถูกทำลายในสงครามโลกเช่นกัน ด้านข้างของ Berliner dome ก็คือ Altes museum เป็น museum แสดง Antikensammlung และ Egyptian museum เก็บรวบรวมของโบราณสมัยกรีก โรมัน อียิปต์ ถัดไปด้านหลังก็จะพบกับ museum มากมาย เช่น Bode museum อาคารทรงกลมสวมด้วยโดม เป็นที่รวบรวมภาพวาด งานปั้นของคนมีชื่อเสียง Pergamonmuseum เป็น museum เก็บรวบรวมของโบราณของยุโรป มีภาพ Pergamon Altar, Roman Mosaic รูปปั้นของ The Godness Athena เป็นต้น Neues Museum รวบรวมศิลปะโบราณของอียิปต์ ถูกทำลายเมื่อปี 1945 ปัจจุบันกำลังบูรณะคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2009 แล้วจะเปิดเป็นที่รวบรวมศิลปะอียิปต์อีกครั้งรวมทั้งเปิดเป็น museum แสดงช่วงก่อนประวัติศาสตร์ Alte Nationalgalerie เปิดเป็นที่รวบรวมศิลปะสมัยใหม่
จากนั้นก็เดินทางต่อโดย S-bahn ไปยัง Unter den Linden ซึ่งเป็นชื่อถนนที่มีประวัติศาสตร์ทั้งในช่วงก่อนสงครามโลกจนถึงปัจจุบัน บริเวณนี้เรียกว่า Babelplatz สถานที่แรกในบริเวณนี้ที่จะแนะนำคือ Brandenburger Tor ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลิน สร้างเมื่อปี 1788-1791 ตกแต่งเสร็จปี 1795 และแล้วก็ถูกทำลายเช่นกัน จึงสร้างใหม่ปี 1956-1958 ทางด้านเบอร์ลินตะวันตก ซึ่งตั้งอยู่เป็นเวลา 40 ปีในการแบ่งเมืองจนถึงปี 1989 กำแพงเบอร์ลินก็ถูกทำลายลงเพื่อเป็นการรวมประเทศ ภายในบริเวณนี้มีสถานที่สำคัญอีกมาก ซึ่งจะเก็บไว้มาท่องเที่ยวในวันที่ 3 สำหรับวันนี้จะนั่ง S-bahn ไปยังจุดอื่นๆก่อน นั่นคือ Postdamer platz ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่ถูกทำลายในสงครามโลกเช่นกัน บริเวณนี้มี sony center เป็นอาคารที่สวยงามมาก เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอ park หนึ่ง อ่านประวัติจากสถานที่นี้แล้ว น่ากลัวมากเลย เป็น park ที่เมื่อสมัยก่อน คนที่รักร่วมเพศจะโดนมาทรมาณที่นี่ และตายไปจำนวนไม่น้อย ซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ภายหลังเขาจึงสร้างอนุสรณ์สถานและจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เดินไปเรื่อยๆ ก็มาบรรจบกับ Brandenburger Tor อีก จากนั้นก็เดินไปเข้าคิวขึ้น Reichstag ซึ่งเป็นรัฐสภาของเยอรมัน รอเข้าคิวร่วมชั่วโมงยืนจนหนังเกรียมเนื่องจากแดดแรงมาก แต่พอขึ้นไปชมก็หายเหนื่อย เนื่องจากข้างบนสวยมาก เป็นโดมที่มีกระจกติดเห็นทุกมุม เขา design ได้สวยงามมาก จากนั้นก็นั่ง U-bahn ไปลงที่ Kochstrasse เพื่อเที่ยวชม Checkpoint Charlie ซึ่งเป็นเขตกั้นระหว่างอเมริกาและรัสเซีย ในระหว่างปี 1961-1990 เป็นจุดตรวจคนเข้าออกของฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก เป็นที่เตือนใจของการแบ่งแยกและอิสรภาพของคนเยอรมันตะวันออกที่พยายามจะหนีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ของรัสเซีย
จากนั้นก็ไม่รู้รัยดลใจให้ไปเที่ยวที่ไกลๆจากตัวเมือง สงสัยด้วยความงกที่ว่าจ่ายค่าตั๋วในราคาแพง อยากใช้ให้คุ้ม เลยเป็นที่มาของการไปสถานที่ 2 แห่งนี้ แห่งแรกคือ Neue Synagoge ซึ่งนั่ง S-Bahn ไปลงที่ Oranienburger Strasse พอไปถึงแผนที่ก็ไม่มีบ่งรายละเอียด มีแต่เลขที่กับถนน ก็เลยต้องวนหาดู พอเจอก็สวยดีแฮะ ลักษณะเป็นอาคารคู่ที่มีรูปทรงกลมมีโดม ถูกทำลายปี 1943 บูรณะแล้วเสร็จปี 1995 อีกสถานที่หนึ่งซึ่งไกลมากคือ Stranbad Wannsee ลงที่สถานี Nikolasse แล้วก็เดิน เดิน เดิน หลายกิโล เนื่องจากเห็นในรูปสวยมาก เป็น lake ที่อาบแดด เล่นน้ำ พอไปถึงก็คงจะค่ำแล้ว ผู้คนเดินกลับออกมาเยอะมาก มีผมคนเดียวเดินเข้าไป คิดหลายตลบว่าจะย้อนกลับดีไหม ไหนๆ มาแล้วก็เดินต่อไป ไกลจริงๆ พอไปถึงประตูทางเข้าปิดแล้ว ทีแต่ทางออกให้คนออก เจ็บใจจริงๆ อุตส่าห์ดั้นด้นมา คราวนี้สิ ขากลับรีบเดินจ้ำเอาจ้ำเอา เพราะกลัวมืดเสียก่อน อันตราย กลับถึงใจกลางเมือง รีบกลับที่พักเลย เหนื่อยมากมาย