Friday, April 25, 2008

Paris: Free walking city tour (Part II)

วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะยังปวดขา เมื่อวานเล่นเดินซะเป็นสิบๆๆกิโล วันนี้กะไป Free walking tour ซึ่ง guide จะมารับที่โรงแรม ผมรอจนถึง 10.30 ทางโรงแรมก็มาบอกว่า guide ให้ไปเจอกันที่น้ำพุ เลย อืมม ก็ได้ครับ พอไปถึงก็เจอผู้คนมากมาย ไม่นึกว่าฝรั่งเขาก็ชอบของฟรีเหมือนกัน ฟัง guide ออกมั่งไม่ออกมั่ง แย่จังภาษาเราหนิ ทำงัยก็ไม่กระดิกเลย





Guide ก็พาลัดเลาะไปตามสะพาน จนถึงพิพิธภัณฑ์ Louvre เขาก็อธิบายประวัติความเป็นมา ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง เพราะไม่ค่อยได้ยินและมัวง่วนกับการถ่ายรูปและชื่นชมอยู่ ด้านตรงข้ามกับ Louvre คือ Arc de Tromphe du Carrousel ซึ่งเป็นอนุสรณ์ฉลองชัยชนะของ Napoleon และด้านหลังก็เป็นสวนขนาดใหญ่ชื่อว่า Jardin Des Tuileries วันนี้อากาศดีมาก ผู้คนเลยมานั่งตากแดดกันเป็นจำนวนมาก ถัดจากสวนนี้ก็เป็น Place de la Concorde ออกแบบเมื่อปี 1755-1775 ด้านข้างๆๆจะเป็น โรงแรม de Crillion ซึ่งแพงและหรูหราที่สุด เห็น guide บอกว่าถ้าพักที่นี่แทบจะเป็นง่อยได้เลย เพราะมีคนทำให้ทุกอย่าง แต่ผมว่าที่เป็นง่อย อาจจะเป็นหลังจากออกจากโรงแรม เพราะหมดตัว ไม่มีเรี่ยวแรงทำไรมากก่า มองออกไปด้านหน้าของถนน Des Champ Elysees ก็จะเห็น Arc de Triomphe Etoile ตั้งตะหง่านอยู่






พอถึงเวลา 15.30 เราก็ไปหยุดอยู่ที่ที่ผมเคยมาคือ Petit Palais ซึ่งเป็นเวลาสิ้นสุดการพาชม ทาง guide ก็ขอโทษที่ไม่ได้พาไปให้ครบตามโปรแกรม จากนั้นเกือบทุกคนก็ควักเงินเป็นสินน้ำใจ ประมาณ 20 ยูโร ก็เยอะ สำหรับเรานะ แล้วเราไม่ได้ตั้งใจจะมาเสียเงินหนิ อีกอย่างก็บอกทนโท่ว่าฟรี คิดว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐหรือทางมหาลัยซะอีก เอางัยดีหล่ะ ปกติก็เป็นคนงกอยู่แล้ว ก็เลยทำเฉยๆๆ ค่อยๆๆ หลอยจากกลุ่มไป รู้สึกไม่ดีนะจนถึงทุกวันนี้ เรามีน้อยก็ควรให้น้อย แต่ตอนนั้นมันคิดไม่ได้ มันอายถ้าจะให้เขาน้อย

จากนั้นก็เดินต่อเองไปหอไอเฟล ถ่ายแต่มุมไกลๆๆ ยังไม่เห็นจริงๆๆสักครั้ง ก็เลยเดินไป ไกลเอาการเหมือนกัน ขา 2 ข้างก็ไม่อำนวยเอาซะเลย เดินกระเผลกๆๆไป พอถึงที่แทนที่ผมจะชื่นชมเต็มที่ กลับหาที่นั่งพักขาก่อน สังขารคนเรา นี่แก่แล้วหรือนี่ พอมีแรงฮึดใหม่ก็เดินชม ร่วมชั่วโมง ซึมซับบรรยากาศ ผู้คนเดินจับมือเป็นคู่ๆๆ บ้างก็กอดจูบกันใต้หอไอเฟล บ้างก็ผลัดกันถ่ายรูป ดูทุกคนมีความสุขมากๆๆ จากนั้นก็ไปชม Arc de Triomphe Etoile ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Paris อีกที่หนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี 1806 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะแก่ Napoleon ใช้เวลา 30 ปีถึงจะสร้างเสร็จ ปัจจุบันเป็นวงเวียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถนนตัดผ่านถึง 12 สาย ผมใช้เวลากับสถานที่นี้นานพอควร เนื่องจากล้ามากๆๆ

แล้วก็เดินต่อไป Park ที่นี่สวยงามมาก คนของเขาก็ออกพาลูก พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น บ้างก็วิ่งออกกำลัง ส่วนผมเห็นว่าน่านอนมากก่า 555 ตอนแรกกะว่าจะนอนที่นี่สักพัก เพื่อรอเวลากลางคืน อยากดูหอไอเฟลยามกลางคืน ซึ่งเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่ไม่ควรพลาด แต่ที่นี่มืดช้า ตอนนี้ทุ่มกว่าๆๆ เอง กลับห้องก่อนดีก่า ดึกๆๆค่อยออกมา พอถึงเวลาออกมา คิดว่าไม่ไกลเดินเอา มองเห็นอยู่ เอาเข้าจิงก็เดินซะปวดขาเลย แต่ก็คุ้มนะ สวยดี




Wednesday, April 23, 2008

Belgium: Brussels city walk

ตื่นเช้า อาบน้ำ รีบลงไปทาน breakfast ก่อนจะหมดเวลา ไปถึงเห็นของกินแล้วหมดอารมณ์ เฮ้อ...หนมปังหรือนี่ (ปาหัวหมาแตกเย็บ 10 เข็ม) เนย แยม (ก้อนเล็กกว่าคนอร์) กาแฟที่เย็นชืด นึกถึงเศษหนมปังให้ปลาแถววัดป่าเลไลย์ยังน่ากินกว่าอีก บ่นไปแต่ก็กินนะ จะได้อิ่ม ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย ต้องกินรัยที่ไม่อยากกิน เห็นมั้ย อย่าริมาอิจฉากันเลย...แอบเซ็ง




เสร็จจากภารกิจบรรจุอาหารอันไม่พึงประสงค์จนเต็มท้อง ก็รีบบึ่งลง Metro ไปที่สถานี Gare du Nord เพื่อต่อรถไฟของ Thalys ที่ได้ซื้อผ่านทาง internet ไว้แล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.25 ชั่วโมง ก็ถึงที่หมาย Gare du Midi แล้วก็นั่ง Metro ของเมือง Brussel ซึ่งเก่าม๊ากมาก ขอบอก ลักษณะเป็น Tram เก่าๆๆมีไม่กี่ตู้ ลงที่สถานี Bourse Beurs ขึ้นมาปุ๊บ ก็เจอ Place de la bourse beursplein เดินไปหน่อยด้านหลังก็เป็น The Gland’ Place ซึ่งเป็น heart of Brussel ซึ่งยิ่งใหญ่อลังการณ์ ลองดูจากในรูปซึ่งผมถ่ายทั้ง 4 ด้านของจัตุรัส (มาหยุดยืนชม 2 รอบ ทั้งขาไปและขากลับ) จากนั้นก็เข้า information center ขอแผนที่ท่องเที่ยว วางแผนการเดินทางนิดหน่อย ถึงเวลาเดินตลุยและ 555


ขอเล่าคร่าวๆๆแล้วกัน จะบ่งรายละเอียดทุก step มีหวังอ่านจนตาแฉะ สถานที่เที่ยวที่สำคัญๆๆ แบบว่าพลาดไม่ได้ ก็มีเยอะนะ เช่น Cathedral ที่นี่สวยดี อากาศด้วยมั๊ง เลยนั่งมองเพลิน แล้วก็ไป Place Royale ซึ่งด้านหลังเป็น Palais des Beaux-Arts สร้างปี 1922-1928 เป็นที่แสดงนิทรรศการและจัดคอนเสิร์ต อีกด้านหนึ่งก็เป็น Royal Palace และสวนประดับล้อมรอบ เป็นที่ประทับของ King Albert ฝั่งตรงกันข้ามก็เป็นสวน Parc de Bruxelles ซึ่งเป็นสวนสุขภาพขนาดใหญ่ สวยงาม ถัดไปตามถนน Rue Royale เราก็จะเห็น Colonne du Congres เป็นอนุสรณ์ของ Belgium หลังได้รับอิสรภาพ


อีกที่หนึ่งที่สวยไม่แพ้กันคือ Grand Sablon เป็นสวนเล็กๆๆ แต่ดูมีเสน่ห์ และบริเวณนั้นก็มี church สถาปัตยกรรมแบบ Gothic ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ชื่อว่า Notre-Dame du Grand-Sablon อีกที่หนึ่งก็เป็น church St-Katelune-Plein ปีศตวรรษที่ 19 ส่วน church ที่ใหญ่มากคือ Place Poelaert-Plein กำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซม ขึ้นไปมองจากด้านบนเราสามารถมองเห็น Atomium ซึ่งถือว่าเป็น symbol ของ Brussel เลย คล้ายๆๆ กับ Eiffel tower ของ Paris, Big Ben ของ London และอีกที่ที่สำคัญของเมืองคือ Manneken-Pis ลองดูจากรูปเอาแล้วกัน.... อิอิ โดยรวมแล้วก็ชอบที่นี่มากนะ ดูสงบ สวยงาม ผู้คนมีสุขภาพจิตที่ดี มีน้ำใจ เรื่องความปลอดภัยก็หายห่วงดีกว่าหลายๆๆที่ที่ผ่านมา