เครื่องลง CDG Airport ไม่มีการตรวจใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเป็น Schengen state เหมือนกัน ลากกระเป๋าออกจากสนามบินไปขึ้นรถไฟ RER B ซึ่งเป็นรถไฟเข้าเมือง Paris แล้วก็ต่อ metro ตาม direction ของ hostel ที่จองไว้ ออกจาก metro ก็มองเห็นยอด Eiffel tower เลย ถึง Paris แล้วสินะ พอใกล้ถึงที่หมายก็เจอ 2 สามีภรรยา ชาวฝรั่งเศสแสดงน้ำใจช่วยดูแผนที่ให้ว่า hostel อยู่ตรงไหน พอเข้าไปข้างใน ก็จ่ายเงิน แต่ไม่สามารถเข้าพักได้ เนื่องจากอยู่ในช่วง locked out ก็เลยเดินออกมาชมบรรยากาศรอบๆๆ เดินไปเดินมาก็หลงทิศทาง แต่ก็ไม่ได้ซีเรียส เจอรัยน่าสนใจก็หยุดดู หยุดถ่ายรูป ยอมรับเลยว่าไม่ได้วางแผนไว้เลย... อิอิ
เจอใครที่ไว้ใจได้ ก็ให้ถ่ายรูปให้ รู้สึกเสียเวลามากๆๆ หลังๆช่างมัน ไม่จำเป็นมากหรอกที่จะต้องมีรูปเราด้วย เพื่อนๆ มักจะชมบ่อยๆๆว่า เราถ่ายรูปดี โดยเฉพาะรูปวิวที่ไม่มีตัวเรา ดูดีมากๆๆ งานนี้เลยต้องสนอง need เพื่อนๆ โดยไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย วันนี้แย่หน่อย ฝนตกปรอยๆๆ ฟ้าไม่โปร่ง เดินมาเรื่อยๆๆ ผ่าน Unesco , Army Museum จนถึง Ecole militaire ก็เจอคนเอเชีย 2 คน หยุดรอจนเขาเดินมา ( อันดับการเลือกคนช่วยถ่ายรูปให้ คือ 1. คนเอเชีย 2. ฝรั่งสามีภรรยาที่สูงอายุ และ 3. ฝรั่งวัยกลางคนที่มาเป็นกลุ่ม โดยที่ทุกกลุ่มเป้าหมายต้องสะพายกล้อง เพื่อความปลอดภัย อิอิ) ผมหันไปยิ้มแล้วก็พูดขอให้เขาถ่ายรูปให้ พอถ่ายรูปเสร็จก็คุยกันนิดหน่อยตามธรรมเนียม ถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนที่ถ่ายรูปให้คือนักเรียนไทยชื่อ หน่อย ส่วนผู้ชายเป็นคนจีน ชื่อ Hang เรา 3 คนก็เลยเดินไปคุยไป ข้ามสะพาม Pont Alexandre-III ก็เข้าสู่ zone Champs-Elysees ซึ่งมี Grand palais, Palais De La Decouverte และ Petit Palais โดยปัจจุบันใช้เป็น museum of fine arts มีทั้ง porcelain ภาพเขียน และรูปปั้น (ได้เข้าฟรี เนื่องจากใกล้หมดเวลาเข้าชม และ Hang สามารถคุยภาษาฝรั่งเศสกับเขาได้) สักพักเราก็ไป China town ซื้อของแล้วก็แยกย้ายกันกลับ ผมก็เหนื่อยมากด้วย เนื่องจากไม่ได้นอนเลย ถึงที่พักก็สลบเหมือด อีกอย่างต้องรีบนอน เพราะต้องตื่นแต่เช้าไป Brussel ต่อ