Tuesday, April 22, 2008

Iceland: Winter time




และแล้ว season อันหฤโหดก็มาเยือน ทำไมถึงเหน็บหนาวอย่างนี้นะ แล้วมันจะนานสักแค่ไหน อย่างน้อยก็คง 7-8 เดือน นั่นแหละ ตอนอยู่ไทย ก็ดิ้นรนไปเที่ยว กางเต้นท์ ที่ไหนเขาว่าสุดยอดแห่งความเยือกเย็น เป็นต้องกระสันอยากไปสิ.... แล้วนี่สมใจคุณเธอหรือยัง ไม่ต้องกางเต้นท์ให้เสียเวลา ไม่ต้องเดินทางให้เมื่อยก้น แค่ไปยืน outdoor ก็อยากแทรกกองจอมปลวกหนีแล้ว ลมก็แรง หิมะก็ตก มืดก็เร็ว

ช่วงนี้หน่ะสุดยอด ตื่นมาตอนเช้า... ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ พอเปิดม่านตามองผ่านหน้าต่างรูปจัตุรัสของห้องสี่เหลี่ยม อะไรกันยังมืดอยู่นะ ขอนอนต่ออีกหน่อย และแล้วก็ 10 โมงเช้า ฟ้ายังไม่เปิดเลย รีบอาบน้ำตาหูเหลือก พอไปถึง Lab ทำงานได้ไม่เท่าไหร่ บ่าย 3 ก็เริ่มมืดอีกและ อืมม มันน่านอนจริงๆๆ เป็นอันว่าช่วงเวลานี้ไม่ค่อยได้งานเลย พาลอยากจะหลับเสียมากก่า หลับไม่พอแถมมีอาการซึมเศร้าจากอากาศอันมืดมน


ไม่เคยนึกว่าทำไมอากาศถึงมีอิทธิพลกับเรามากมาย แต่ตอนนี้เข้าใจและ และที่เราร่ำเรียนตั้งแต่สมัยประถม มีคำถามถามว่า อากาศเป็นยังงัย ตอบได้คำเดียวร้อนถึงร้อนตับแตก นึกในใจตอนนั้น ทำไมต้องถามกันด้วย ฝรั่งไม่มีเรื่องรัยจะคุยกันหรืองัย จนมาถึงบางอ้อ เมื่อได้มาอยู่ที่นี่จิงๆๆ..... 555


เราได้มีโอกาสไปเที่ยวชมนอกเมืองในช่วงฤดูอันหฤโหดนี้ด้วย ก็ขับรถกันไปเนื่องจากพี่ชายโย่งได้มาเที่ยวที่นี่ เราก็เป็นเห็บติดรถไปเหมือนที่เคยผ่านมา ตอนนี้ตัวใหญ่ขึ้นและ เพราะ กินเบาะกับกระจกข้างรถเป็นอาหาร.. อิอิ พี่ภัทรขับสลับกับโย่ง เราก็เป็นคุณนายเหมือนเคยๆๆ ท้องฟ้าโปร่งใส ตัดกับสีของภูเขา สีน้ำทะเลที่มีน้ำแข็ง จับบนพื้นผิว ไล่สีตามธรรมชาติ ระยิบระยับเป็นประกาย มันเป็นรัยที่บรรยายเป็นตัวหนังสือไม่ได้เลย คงต้องสะกิดเอารายละเอียดของคุณค่าธรรมชาติที่ฝังตัวอยู่ในอณูของกระจกตาและเส้นใยประสาทที่ฟ้าได้ประทานให้เกิดมโนภาพ ขอเชิญพินิจพิเคราะห์กันเอาเองนะครับ ว่าสวยสดงดงามแค่ไหน