Tuesday, October 21, 2008

Germany: Dresden

Hostel ในเมือง Dresden น่าอยู่มากเลย สะอาดแล้วก็สวย ที่สำคัญไม่แพง ก่อนจะเดินทางชมเมือง ขอเล่าความเป็นมาของเมืองนี้ให้ฟังสักนิดก่อน Dresden เป็นเมืองที่สวยงามเมืองหนึ่งของเยอรมัน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ปี 1485 เมื่อ Albertine Wettins ตัดสินใจที่จะตั้งรกรากที่นี่ เมืองนี้เติบโตขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 18 ซึ่งมีทั้งศูนย์วัฒนธรรมและสถาปัตกรรมมากมาย อย่างไรก็ตามเมืองนี้ก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงในคืนวันที่ 13 และ 14 กุมภาพันธ์ 1945 โดยอเมริกาและอังกฤษ ปัจจุบันได้บูรณะใหม่ทั้งหมดเพื่อเป็นดินแดนประวัติศาสตร์


ช่วงเช้าของวันนี้ อากาศไม่แจ่มใสเอาซะเลย ผมซื้อตั๋วแบบ 1-day ก็ไม่กังวลมาก ไปถ่ายรูปแล้วรู้สึกว่ารูปออกมาเน่าๆ ไม่อยากเข้าไปใน Old town ช่วงนี้เลย ก็เลยกลับมาที่พักก่อน หารัยรองท้อง แวะซื้อขนมปัง แล้วก็อยากทานกาแฟขึ้นมาจับใจ พยายามมองหาร้าน แล้วก็ไปสะดุดกับร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง เขียนไว้ด้วยว่า ยินดีต้อนรับ ที่หน้าร้าน ดูรายการอาหารแล้วก็อยากเจอเจ้าของร้านจริงๆ เลยเข้าไปนั่ง สั่งกาแฟทานแล้วก็ถามที่หน้าเคาเตอร์ถึงคนไทยที่ทำงานหรือเป็นเจ้าของที่นี่ เขาบอกว่าไม่มี เราก็งงแล้วสิ ไม่มีแล้วเขียนอ้างร้านอาหารไทยแถมยังมีป้ายเขียนหน้าร้านเป็นภาษาไทยอีก แต่ก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะถ้าเป็นคนไทยคงไม่เขียนรายการอาหารผิดเช่นนี้ อันที่จริงแล้วร้านอาหารไทยก็มีชื่อเสียงไม่น้อย มิน่าถึงมีคนแอบอ้างเยอะ เขาอาจเรียนมา แต่ก็ไม่ควรเขียนราวกับว่าเป็นคนไทย แต่ก็ช่างเถอะ เราเป็นคนตัวเล็กๆจะไปเปลี่ยนแปลงรัยได้ ในเมื่อชาติบ้านเมืองตอนนี้ คนใหญ่ๆโตๆ ยังมัวตีกันอยู่เลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาคงไม่เอามาใส่ใจ รอกินหินกินปูนจากคนยากคนจนคงดีกว่ากันเป็นไหนๆ มาเรื่องของเราดีกว่า หลังจากทานกาแฟเรียบร้อย ก็เห็นท้องฟ้าก็ยังไม่มีทีท่าจะโปร่งใสซะที ช่างเหอะเริ่มตลุยดีกว่า เวลาและวารีไม่เคยรอท่าใคร ก็นั่ง tram เข้าในเขต old town
จุดแรกคือ Rathaus หรือ town hall สร้างเมื่อ 1905-1910 แล้วก็เดินเข้าไปในเขต old town เมื่อไหร่ฟ้าจะโปร่ง ฝนจะหยุดปรอยก็ไม่รู้ อย่างเซ็งเลย ก็เลยเดินเข้าไปใน museum ฆ่าเวลาก่อน museum ที่ว่าคือ Verkehrsmuseum เป็น museum แสดง transport ตั้งแต่ tram ยุคแรกๆ รถจักร รถเก็บองุ่น รวมถึง model รถต่างๆในเยอรมัน พอออกไปฟ้าก็เริ่มมีสีสันเข้ามาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่โปร่งอยู่ดี เลยเข้าไปชมข้างในของโบสถ์ Frauenkirche เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ สร้างเมื่อปี 1726-1743 แล้วก็ถูกบอมบ์เช่นกันในปี 1945 สร้างใหม่โดยเสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในปี 1993 จากนั้นก็ออกจากเมืองเก่า นั่ง tram ไปด้านนอกก่อน ออกไปชม museum Yenidze ลักษณะเหมือนสถาปัตยกรรมแถบอินเดีย


พอเห็นแสงจากขอบฟ้า ก็เริ่มเดินทางเข้ามาใน old town อีกครั้ง คราวนี้ได้รูปพอจะดูดีขึ้น บริเวณนี้ประกอบไปด้วย Sächsische Staatsoper เป็นอาคาร Saxon state Opera ซึ่งถือว่าเป็น landmark ของ Dresden อาคารนี้สร้างมา 2 ครั้ง โดนไฟไหม้ครั้งแรก แล้วก็สงครามโลก จนต้องมาบูรณะใหม่ในปี 1985 บริเวณด้านหน้ามีอนุสาวรีย์ของ Saxon King Johann ด้านหน้าของ Zwinger เป็นอาคาร Schinkelwache สร้างเมื่อปี 1830-1832 Hofkirche เป็นโบสถ์หลวงสไตล์ baroque เป็นโบสถ์ catholic สร้างโดยสถาปัตย์ชาวอิตาลี Residenzschloss ปัจจุบันใช้เป็นที่เก็บรวบรวมศิลปะของเยอรมันตะวันออก Fürstenzug เป็นอาคารยาวในปี 1586-91 ยาวตั้งแต่ตัวประสาทจนถึง Johaneum เป็นจุดที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวเนื่องจากผนังของตัวอาคารมีรูปภาพแสดงถึงการดำเนินไปของเหล่าขุนนางใน Saxon


มาถึง Highlight ของ Dresden คือ The Zwinger โครงสร้างทั้งหมดเป็น Baroque ที่สวยงามมาก ทั้งตัวอาคาร ทางเข้าเป็น dome มงกุฎ แม้กระทั่งเสาแต่ละต้น วิจิตรงดงามมาก ปัจจุบันใช้เป็นที่แสดงศิลปะ ซึ่งช่วงที่ผมไปเป็นงานศิลปะหุ่นปั้น อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ Elbe เป็นที่ตั้งของ Japanisches Palais คิดจะใช้เป็นที่เก็บรักษา Porcelain ญี่ปุ่น แต่ไม่เคยปรากฏ อย่างไรก็ตามปัจจุบันใช้เป็นห้องสมุด Museum für Sächsisiche Volkskunst เป็น museum สร้างเมื่อปี 1568-1613 เก็บรวบรวมวัฒนธรรมและประเพณีอันงามของ Saxon





จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก หาของรับประทานแล้วก็รอเวลาช่วงกลางคืน เพื่อเข้าไปใน old town อีกครั้ง ถ่ายรูปยามค่ำคืน ซึ่งสวยงามจริงๆ






Saturday, October 18, 2008

Germany: Berlin (Around Babelplatz, Part II)

สำหรับวันสุดท้ายใน Berlin ผมเลยเดินไปดูกำแพง berlin ซะหน่อย เป็นซากกำแพงที่อยู่ใกล้ๆกับที่พัก ตอนนี้ได้กลายเป็นศิลปะของกำแพงไปแล้ว ก็เลยถ่ายเป็นที่ระลึกซักหน่อย จากนั้นก็อย่างที่เกริ่นไว้วันแรกว่าจะมาเก็บแถวๆ Babelplatz เริ่มต้นด้วย Staatsbibliothek ใช้เป็นห้องสมุด สร้างเมื่อ 1903-1914 แล้วก็เดินเลียบไปตามถนน Französische Strasse ก็จะพบกับ Französischer Dom เป็น cathedral ที่สวยงามแบบฝรั่งเศส สร้างเมื่อ 1701-1705 บริเวณใกล้เคียงกันเป็น Concert hall หรือเรียกว่า Konzerthaus ในภาษาเยอรมัน สร้างเมื่อปี 1818-1821 แล้วก็ถูกทำลายโดยเพลิงไหม้และถูก bomb ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันได้บูรณะใหม่ใช้เป็นที่แสดง Symphony Orchestra บริเวณด้านหน้าเป็นรูปปั้น Friedrich Schiller ตั้งบนแท่นเสาหิน ล้อมรอบด้วยหุ่นปั้นที่เปรียบเสมือนเป็น Lyric Poetry, Drama, Philosophy และ History อีกมุมหนึ่งก็เป็น Deutscher Dom เป็น Cathedral สไตล์เยอรมัน ถูกทลายเมื่อปี 1945 สร้างใหม่ในปี 1993 ออกจากจุดนั้นมาตามถนน Hinter der Kath ก็จะพบกับ St-Hedwigs-Kathedrale เป็นโบสถ์ใหญ่แบบคาทอลิก และก็เช่นเดิมเหมือนที่อื่นๆ คือถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นกัน เห็นมั้ย สงครามไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่ทำลาย การเมืองบ้านเราก็เช่นกัน ไม่รู้จะจบจะสิ้นเมื่อไหร่ บริเวณไม่ไกลกันนักก็จะพบกับโบสถ์สวยงาม เป็นโบสถ์ Neo-Gothic ชื่อว่า Friedrichswerdersche สร้างเมื่อปี 1824-1830 หลังจากบูรณะแล้วได้ใช้เป็น Museum เก็บรวบรวมงานปั้นอันทรงคุณค่าของศิลปินผู้มีชื่อเสียง





จากนั้นก็เดินเข้าสู่ถนนเส้นหลักคือ Unter den Linden มีสถานที่สำคัญมากมายเช่น Humbolt University เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ มีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากมายเคยทำงานอยู่ที่นี่ เช่น Albert Einstein เป็นต้น, Neue Wache เป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงลัทธิชาติอิตาลีนิยม และลัทธิทหาร, Zeughaus เป็น museum แสดงประวัติศาสตร์ของชนชาติเยอรมัน แล้วก็ไปยืนชื่อชมความงามของสะพาน Schlossbrücke ซึ่งเชื่อมระหว่าง Schlossplatz กับ Unter den Linden สร้างเมื่อปี 1824 ข้ามสะพานเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปนั่งพักใน Alexanderplatz พลางก็นึกถึงบทเรียนตอนเรียนภาษาเยอรมัน อาจารย์ถามว่าวันนี้จะทำรัย ก็ตอบว่าไปเดินเล่น(Spaziren gehen)ในสวนแห่งนี้





ไม่ไกลนักก็เห็น Marienkirche แล้วก็ไม่วายถ่ายรูป Rotes Rathaus อีกเพราะตึกสีสวยดี จากนั้นก็ว่าจะไปดูกำแพงเบอร์ลินแถวๆ Brandenburger Tor แต่ก็ไม่พบ พบแต่สถาปัตยกรรมแท่งสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆกัน สลับไปมา ผมจำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร จากนั้นก็นั่ง subway ไปชมสะพาน Oberbaumbrücke สร้างในปี 1894-1895 และ 1993-1994 เป็นสะพานรถไฟตกแต่งด้วยสีส้มสะดุดตา และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยัง Dresden เมืองที่เพื่อนในห้อง Lab แนะนำว่าควรไปอย่างยิ่ง