Friday, February 27, 2009

Slovenia: Ljubljana (Part II)

-
เช้าวันนี้ อากาศไม่แจ่มใสนัก ท้องฟ้าขมุกขมัว ผมได้ซื้อตั๋วรถไฟ เพื่อเดินทางไป Zagreb ประเทศโครเอเชีย หาซื้อของตุนใส่เป้ พอถึงเวลาก็วิ่งกระหืดกระหอบไปยังสถานีรถไฟ มัวแต่โอ้เอ้เกือบตกรถไฟ แต่พอไปถึงก็รอแล้วก็รออีก รถไฟดีเลย์เกือบครึ่งชั่วโมง พอขึ้นไปแล้วก็หาที่นั่ง แล้วก็ได้พูดคุยกับคนโครเอเชีย เป็นหญิงวัยกลางคน แฟนเขาทำงานที่สโลเวเนีย สลับกันไปหา ชีวิตคนเราก็แปลกดี แต่งงานกลับไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต้องหาวันหยุดไปหากันและกัน
-



-
คุยกันไปเรื่อยๆ ถามเขาถึงสถานที่ท่องเที่ยว จนถึงเมืองชายแดน Dobovaของประเทศ Slovenia ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจ passport เราก็ยื่นให้ พร้อม วีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ เขาก็ stamp ส่งคืนให้เรา จวบจนถึงเมือง Zagreb ประเทศโครเอเชีย ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจอีกครั้ง หลังจากพลิก passport ประมาณ แปดตลบเขาก็พูดกับเราคำเดียว Follow me! เราก็งง อ้าว จะให้ตามไปทำไมอ่ะ คิดไปคิดมา หรือว่าประเทศนี้ไม่ใช่ schengen ก็เลยถามคนโครเอเชีย เขาก็บอกว่าถูกต้องแล้ว ประเทศของเขาไม่ใช่ Schengen state ต้องขอวีซ่าเข้ามา หน้าซีดเลยเรา เซ็งจิต เขาบอกว่า ฉันเสียใจด้วยนะ เธอไม่ได้เห็น museum ใน Zagreb สรุปมีผมคนเดียวไม่รู้เรื่อง คิดเอาง่ายๆว่าน่าจะเป็น Schengen ไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนเลย และแล้วก็เดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปสถานีตำรวจ ถูกกักร่วม 2 ชั่วโมง เพื่อส่งตัวกลับเข้าสู่ Slovenia เหมือนเดิม เสียเวลาไปค่อนวัน ผมก็ยังอุตส่าห์จะขอเขาถ่ายเมืองสักครั้ง เขาก็ไม่อนุญาต บ๊ายบาย Zagreb มันเหมือนลางสังหรณ์ยังงัยไม่รู้ ตอนแรกคิดจะไป Venice แทน แต่มันเดินทางนานกว่า อยากจะร้องไห้เลย ฮือ
-
พอมาถึง Ljubljana ก็ไปเที่ยวตัวปราสาท ราชวังบนเขาแทน ซึ่งยังไม่ได้ไป ตัวปราสาทสร้างใหม่ใน ศตวรรษที่ 16 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในปี 1511 แล้วก็ได้บูรณะใหม่อีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก็ยังไม่แล้วเสร็จดี ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรม
-





-
วันสุดท้ายสำหรับการพักผ่อนที่สโลเวเนีย ไปไหนไม่ได้มาก ก็เดินเก็บบรรยากาศและสถานที่อื่นๆที่ยังไม่ได้ไป ก็เลยเข้าไปชม national museum แก้เซ็ง จากนั้นก็เดินไปพักผ่อนในสวนสาธารณะ botanical garden ท่ามกลางฝนปราย ช่างเป็นรัยที่วิเศษเหลือเกิน แล้วก็เดินทอดน่องไป hostel ลากกระเป๋าขึ้นรถบัส ไปสนามบิน เดินทางกลับ แต่ต้องไปต่อเครื่องที่ London เนื่องจากไม่มีบินตรง เครื่องก็ดีเลย์อีก คราวนี้เป็นชั่วโมงเลย ผมกะเวลาต่อเครื่อง 2 ชั่วโมง แล้วนี้มันช้าไป ชั่วโมงกว่าแล้ว จะทันไหมหล่ะ ไหนจะต้องกรอกวีซ่า transit รอกระเป๋าเพื่อเข้า เช็คอินใหม่อีก พอถึงสนามบินแทบจะเหาะเลย ถามเขาตลอดว่ารัยอยู่ตรงไหน ไม่หาเองหรอก ไม่มีเวลาแล้ว โชคยังเข้าข้าง เช็คอินได้ทันเวลา ก็ได้กลับมาไอซ์แลนด์เหมือนเดิม ชีวิตหนอชีวิต อยากเที่ยวก็ต้องทำใจ กับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่านักท่องเที่ยวหลายๆคน ที่ไปเที่ยวไทยแต่ดันเจอสนามบินปิด นั่นหน่ะหนักกว่าเราหลายเท่า เป็นเราคงเซ็งไปหลายเดือน
-

Wednesday, February 25, 2009

Austria: Graz

-
Program วันนี้คือ เมือง Graz ประเทศ ออสเตรีย ฝันมานานแล้ว ว่าอยากไปออสเตรีย สักครั้ง ทั้งที่จริงอยากไปเมืองอื่น เช่น Innsbruck Salzburg เป็นต้น แต่เพื่อนที่ lab แนะนำว่าเมือง Graz ก็สวยไม่ใช้น้อย ไม่ไกลจาก Slovenia มากนัก ก็เลยตัดสินใจเดินทางจาก Ljubljana เวลาประมาณ 8.30 น. โดยรถไฟ ถึงเมือง Maribor ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของ Slovenia เพื่อเปลี่ยนขบวนไปยังเมือง Graz ใช้เวลาประมาณ 2 ชม ครึ่ง ก็ถึงที่หมาย
-


-
ออกจากสถานีก็เดินเข้าไปในเมือง ประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงสถานที่ท่องเที่ยว แห่งแรกก่อนข้ามสะพานคือ Marienplatz เหมือนเยอรมันที่จะมีลานกว้างๆสาธารณะไว้ทำกิจกรรมต่างๆ พอข้ามสะพานไปก็จะเห็นปราสาทเด่นสวยงามตระหง่านบนเนินเขา ชื่อว่า Schlossberg แต่ยังไม่ได้ขึ้นไปตอนนี้หรอก บริเวณรอบๆยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ เช่น Murinsel island เป็นสิ่งก่อสร้างทำเป็นสะพานเชื่อมข้ามแม่น้ำ แต่เหมือนเกาะที่คล้ายๆกรง สงสัยจะงง ดูจากรูปเอาแล้วกัน ทำด้วยเหล็กและพลาสติก สะดุดตามาก เป็น landmark ของเมือง ที่ลอยได้และดูทันสมัย ในนี้จะมี café ที่นั่งเล่นและสนามเด็กเล่นเล็กๆ
-

-
-
พอข้ามสิ่งก่อสร้างนี้ไปก็จะพบกับ Mariahilferkirche ภายในโบสถ์สวยงามมาก ออกมาเดินเล่นรอบๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน อากาศดีมาก แสงและเงากำลังพอดี มีเด็กน้อยน่ารัก 3 ชีวิตกำลังเล่นกันใต้ต้นไม้ใหญ่ เด็กฝรั่งแก้มชมพู สีของเสื้อสดใสสะดุดตา มองทีไรก็เพลินทุกที นึกอยากมีลูกกับเขาบ้างจัง คงมีชีวิตชีวากว่านี้
-
-
จากนั้นก็เดินไปยัง Schlossbergplatz ด้านหน้าของเนินเขาที่ตั้งของตัวปราสาท platz นี้มีสถาปัตยกรรมแปลกตาหลายชิ้น แล้วก็เดินขึ้นไปบนเขา แต่ละชั้นมองดูวิวของเมืองได้ ยิ่งสูงก็ยิ่งเห็นความสวยงามของเมือง เดินขึ้นไปทาง Uhrturm เป็นป้อมที่มองเห็นโดยรอบ อีกด้านหนึ่งเป็นตัวปราสาท สร้างเมื่อ ศตวรรษ ที่ 15 ซึ่งภายในมี museum อธิบายเรื่องราวความเป็นมาของเมือง
-
-
-
-
-
พอลงมาเดินไปทางซ้ายมือก็จะพบกับ stadtemuseum และ Neue Galerie แต่ไม่ได้เข้าไปดู เมืองนี้ใช้ tram ในการเดินทาง แต่ละ tram ที่วิ่งไปมาสร้างสีสันให้กับเมืองเป็นอย่างมาก เดินไปไม่นานก็จะพบกับ Rathaus ซึ่งมีน้ำพุและรูปปั้นอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็ผ่าน Landhaus และ Zeughaus ซึ่งติดกับ Tourist information center จึงเข้าไปขอ Map มา เดินตรงต่อไปก็พบ church และ monument ชื่อว่า Stadtpfkirche บริเวณนี้มีน้ำพุและมีผู้คนมานั่งพักกัน ถัดไปเป็น Jominanplatz ซึ่งมี สถานี tram ถือเป็นศูนย์กลางการเดินทาง
-
-
-
เดินย้อนขึ้นมาทางเดิม เพื่อไปอีกถนนเส้นหนึ่งคือ Sporgasse ซึ่งเป็นทางไป museum Volkskundemusuem เป็น museum เก็บรวบรวมศิลปะ folk และการแต่งกายพื้นเมือง ออกจาก museum ก็เดินลงไปที่สวนสาธารณะ Burggarten มีน้ำพุ และงานปั้นรอบๆสวน นั่งพักผ่อนสูดอากาศ ทานแอบเปิ้ลแล้วก็เดินทางต่อ ออกจากสวนก็จะพบกับประตูกั้นเมืองโบราณ (Burgtor) ถัดมาใกล้ๆกันมีโบสถ์รูปโดมสีเขียว ชื่อว่า Dom และ Mausoleum เดินตรงไปอีกเรื่อยๆตามถนน Burggasse ก็จะเห็นอาคาร Opera สีชมพูสวยงาม แต่ไม่ได้เข้าไปดูหรอก แค่ถ่ายรูปเฉยๆ
-
-
จากนั้นก็เดินย้อนกลับขึ้นมา เดินผ่านใจกลางเมืองอีกครั้ง หาไอติมกินก่อน เหมือนเป็นโรคจิตเลย ไปเมืองไหนๆ เห็นไอติมไม่ได้ แต่ละเมืองรสชาติก็ไม่เหมือนกัน เดินไปกินไปจนถึงแม่น้ำ Mur อีกครั้ง ข้ามสะพานไปชม Kunsthaus ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน ดูแต่รอบๆ แล้วก็หิวอีกและ เพราะไอติมแท้ๆดันไปกระตุ้นกระเพาะอาหาร ที่นี่อาหารก็แพงด้วยสิ เดินไปสักพักเหลือบเห็นของถูกนั่นคือ เคบัฟ อิอิ แค่ 1.75 ยูโรเอง เลยเข้าไปกินซะ 2 อันเลย จากนั้นก็เดินเล่นรอบๆ รอเวลาไปนั่งรถไฟกลับ Ljubljana เห็นรัยก็ถ่ายไปตลอดทาง พอขึ้นรถไฟกลับก็พบกับสองสาวชาวออสเตรเลีย เราคุยกันสักพักผมก็งีบหลับ อิอิ