Paris: Monmartre (Part III)

วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะต้อง check-out ด้วย ฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ก่อน แล้วก็ตรงดิ่งไป Montmartre พอออกจาก metro Blanche ก็เห็น Moulin Rouge สัญลักษณ์จะเป็น red windmill เลย บริเวณแถวนี้ทั้งแถบเป็น sex shop ทั้งนั้น แวะเข้าไปดูพอเป็นไอเดีย 2 ร้าน อิอิ จากนั้นก็ walking tour ตาม lonely planet ชอบที่นี่มากๆเลย ดู classic ได้บรรยากาศของเมืองเก่าบนเขา (Moulins=mills) ที่คงคุณค่าในความรู้สึก ดูจากรูปทั้งร้านรวง ถนน บ้านอยู่อาศัย ดูแล้วเหมือนไม่ช่าย Paris เลย ชอบตัวหนังสือที่เขายังคงเอกลักษณ์ไว้ เดินมาสักพักก็เจอ Café des Deux Moulins เป็น café ที่คุ้นหูคุ้นตาในหนังเรื่อง Amelie แล้วเราก็ได้พบกับบ้านหลังที่ 54 ซึ่งเป็นบ้านของ Van Gogh ศิลปินชื่อดังอยู่กับพี่ชาย Vincent กะว่าจะลองไปเคาะประตูดู อิอิ เผื่อจะขอลายเซ็นต์

จากนั้นก็ได้ไปดูหน้าประตู Musee de Montmartre ไม่ได้เข้าไปชมหรอก ไม่รู้เหมือนกันทำไม ไม่มีใครเข้าเลย แต่ละคนก็แค่ถ่ายรูปกันข้างนอก เดินๆๆต่อก็เห็นโบสถ์ Eglise St-Pierre de Montmartre แต่เขาว่าเป็นวัดโรมัน ฮือฮือ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผ่านนะ อิอิ สุดท้ายก็พบโบสถ์อันสวยงาม ตระหง่านบนยอดเขา ซึ่งผมเห็นลิบๆๆตอนอยู่ใจกลางเมือง Paris แล้ว นั่นก็คือ Basilique du Sacre Cceur เป็นโบสถ์ Catholics สร้างขึ้นเมื่อปี 1873 เสร็จสิ้นปี 1919 ที่นี่เป็นจุดชมเมืองที่ดี สามารถมองเห็นได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ขากลับก็แวะชม Bateau Lavoir เขาเก็บประวัติศิลปินที่เคยมาทำงานศิลปะที่นี่ ผมก็ไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ เราเด็กสายวิทย์นี่หน่า ที่คุ้นๆๆก็เห็นจะเป็น Picasso เขาว่าช่วงที่เขาอยู่ที่นี่เป็น Blue period ลองติดตามอ่านต่อไปนะผมจะไปเขียนอีกครั้ง ตอนเข้า Picasso museum ที่ Barcelona

จากนั้นก็ไปเก็บตกที่ต่างๆๆ ที่ miss ไป เช่น Notre Dame ซึ่งใครๆๆก็ต้องมาที่นี่ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน อิจฉาจัง ฝรั่งเศสไม่ต้องทำรัยกิน แค่ต้อนรับนักท่องเที่ยวก็รวยเละแล้ว นี่ขนาดไม่ค่อยต้อนรับนะ ยังขนาดนี้ Cathedral นี้สร้างเมื่อปี คศ. 1163 เสร็จก่อนศตวรรษที่ 14 ดูสิ เก่าแก่มากมาย ด้านหลัง Cathedral ก็มี park ขนาดเล็ก วิวสวยมาก จากนั้นก็เดินไป Jardin Du Luxembourge เป็นวังและสวนที่สวยงาม สร้างขึ้นสำหรับ Marie de Medici เพื่อนของท่านชายเฮนรี่ที่ 4 ไว้บรรเทาความห่างไกลวัง Pitti ที่ Florence (สามารถย้อนกลับไปดูรูปจาก Italy ได้นะ อิอิ)

วิหาร Patheon เป็นวิหารที่สวยงาม ข้างในฝังศพของ Marie Curie ที่ค้นพบธาตุ Radium นะถ้าจำไม่ผิด ซึ่งเป็น ญ คนแรกที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ แล้วก็มีการฝังใหม่พร้อมกับสามี Pierre ในปี 1995 จากนั้นก็ไปอีกหลายที่ จนมีถึง Louvre อีกรอบ ยังงัยก็ขอให้ได้ชื่นชมความสวยงามอีกครั้ง เนื่องจากซื้อ ticket แบบ 1-day ขอใช้ให้คุ้มซะหน่อย พอถึงเวลาก็กลับ hostel ลากกระเป๋าเข้า metro ปรากฏว่าติดแหงก ตัวไปไม่ได้ กระเป๋าก็คาอยู่ โชคดีมีคนมาช่วยยกกระเป๋าให้ แล้วก็แนะให้ออกมาเข้าอีกช่องหนึ่ง คิดๆๆแล้วคนฝรั่งเศสเขาก็มีน้ำใจไม่น้อย หรือภาวะการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ขนาดในหนังสือ ยังเขียนว่า

Lifestyle: “As long as there has been a Paris, visitors have complained that its citizens can be bitchy, arrogant, full of attitude and as prickly as hedgehogs……”
ที่มา: Paris City guide, Lonely planet

บ๊าย บาย Paris เมืองแฟชั่น ไม่ได้กล่าวถึงแฟชั่นเลย ทั้งๆๆที่นี่คนก็แต่งตัว แต่งหน้าขึ้นลง Metro หุ่นงี้แต่ละคนยังกับนางแบบ สุดท้ายผมก็ยังมีเวลาเดินทอดน่อง Shopping เหมือนกัน ได้รองเท้าสุดเก๋ สีน้ำตาลปลายแหลม ลดราคามาคู่หนึ่งเป็นที่ระลึกจาก....Paris เมืองในฝันอีกเมืองหนึ่ง